5 เทคนิคจัดเก็บสินค้าในโกดังให้ประหยัดพื้นที่ที่สุด

จะดีไหมถ้าเกิดคุณสามารถจัดเก็บสินค้าได้มากขึ้นในโกดังขนาดเท่าเดิม โดยไม่ต้องขยายพื้นที่หรือหาเช่าโกดังขนาดใหญ่ให้เสียค่าเช่าแพงขึ้นเพื่อจัดเก็บสินค้า แน่นอนว่ามันจะนำมาซึ่งประโยชน์มากมายต่อธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนค่าเช่า ได้ใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การจัดการสินค้าคล่องตัว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับสินค้าในอนาคตอีกด้วย และนี่ก็เป็น 5 เทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้คุณเก็บสินค้าในโกดังให้ประหยัดพื้นที่ให้ได้มากที่สุด

การจัดเก็บสินค้าคืออะไร?

การจัดเก็บสินค้า คือ กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจัดเรียง และการจัดวางสินค้า ให้อยู่ในสภาพที่ดี ปลอดภัย และสามารถเข้าถึงได้ง่าย ณ สถานที่จัดเก็บ เช่น โกดัง คลังสินค้า หรือพื้นที่จัดเก็บอื่นๆ หากมีแนวทางในการจัดเก็บสินค้าให้มีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยให้ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้า และสามารถจัดเก็บสินค้าได้เยอะขึ้น อีกทั้งยังมีความคล่องตัวในการหยิบจับสินค้า สามารถดำเนินการตามคำสั่งซื้อได้อย่างรวดเร็ว

เทคนิคจัดเก็บสินค้าในโกดังให้ประหยัดพื้นที่ที่สุด

1. จัดเก็บสินค้าแนวตั้ง

การจัดเก็บสินค้าแนวนอน ทำให้เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บ ซึ่งวิธีการจัดเก็บสินค้าแนวตั้งด้วยชั้นวางหรือระบบจัดเก็บแบบอื่น จะทำให้เหลือพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าได้เยอะขึ้น อย่างการจัดเก็บแบบ High-Density จะช่วยให้คุณสามารถวางสินค้าซ้อนกันในแนวตั้ง ทำให้ใช้พื้นที่ที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และไม่กีดขวางทางเดินด้วย

  • ชั้นวางสินค้าแบบพาเลท เป็นวิธีพื้นฐานแต่มีประสิทธิภาพในการจัดเก็บสินค้าที่เป็นพาเลทในแนวสูง
  • ระบบชั้นวางแบบสูง เหมาะสำหรับโกดังที่มีความสูงมาก สามารถจัดเก็บสินค้าได้ในระดับความสูงที่สูงขึ้นไปอีก
  • ระบบจัดเก็บแบบอัตโนมัติ ใช้หุ่นยนต์ในการเคลื่อนย้ายสินค้าในแนวตั้งและแนวนอน ช่วยเพิ่มความหนาแน่นและความแม่นยำในการจัดเก็บ
  • Vertical Lift Modules ระบบจัดเก็บแบบลิฟต์แนวตั้ง เหมาะสำหรับสินค้าขนาดเล็กถึงปานกลาง ช่วยประหยัดพื้นที่และเพิ่มความปลอดภัยในการหยิบสินค้า

2. จัดเก็บแบบ Interleaving และ Honeycombing

การจัดเก็บแบบ Interleaving เป็นการจัดเก็บสินค้าที่มีขนาดต่างกันให้สลับกัน เพื่อลดช่องว่างระหว่างสินค้า เช่น วางกล่องเล็กสลับกับกล่องใหญ่ ซึ่งวิธีนี้อาจต้องมีการวางแผนผังการจัดเก็บให้แม่นยำ แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นวิธีที่ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ได้มากทีเดียว และเมื่อสินค้าได้ถูกนำออกไป มันจะมีช่องว่างเกิดขึ้น ก็ให้นำเทคนิค Honeycombing มาใช้ ซึ่งเทคนิคนี้คือการวางแผนการจัดเก็บโดยคำนึงถึงลำดับการเบิกจ่ายสินค้า เมื่อมีสินค้าว่างลง ก็นำสินค้าใหม่มาวางให้เต็ม

3. ใช้หลักการ “หมุนเวียนก่อน-ออกก่อน”

หลักการ “หมุนเวียนก่อน-ออกก่อน” หรือ First-In, First-Out หรือ FIFO เป็นแนวคิดพื้นฐานว่า “สินค้าที่เข้ามาในคลังสินค้าก่อน จะต้องถูกนำออกไปใช้งาน ขาย หรือจัดส่งก่อน” พูดง่ายๆก็คือ “อะไรมาก่อน ก็ออกก่อน” นั่นเอง ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันสินค้าหมดอายุหรือเสื่อมสภาพ อย่างเช่น ยา, อาหาร, เครื่องสำอาง เป็นต้น ซึ่งการจัดสินค้าแบบนี้จะทำให้คุณสามารถวางแผนการจัดซื้อหรือผลิตได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้าด้วย

4. วิเคราะห์ข้อมูล

การจัดวางสินค้าต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย เพื่อจะได้จัดวางสินค้าให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน โดยใช้สูตร ABC ดังนี้

  • สินค้ากลุ่ม A คือ สินค้าที่มีปริมาณการขายสูงและความถี่ในการเบิกจ่ายสูง ควรจัดวางในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายที่สุด ใกล้กับประตูทางออก หรือบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุด
  • สินค้ากลุ่ม B คือ สินค้าที่มีปริมาณการขายและความถี่ในการเบิกจ่ายปานกลาง สามารถจัดวางในตำแหน่งที่เข้าถึงได้รองลงมา
  • สินค้ากลุ่ม C คือ สินค้าที่มีปริมาณการขายต่ำและความถี่ในการเบิกจ่ายต่ำ ควรจัดวางในตำแหน่งที่เข้าถึงยากที่สุด หรือบริเวณที่ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว

5. ออกแบบโกดังให้มีความยืดหยุ่น

ในอนาคตสินค้าที่คุณขายหรือผลิตอาจมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการออกแบบโกดังให้มีความยืดหยุ่นตามแบบ Modular และ Multi-Purpose จะช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่การจัดเก็บได้ตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป

  • Modular Racking Systems ระบบชั้นวางแบบแยกส่วนที่สามารถปรับเปลี่ยนความสูง ความกว้าง และรูปแบบการจัดเก็บได้อย่างง่ายดาย ทำให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่จัดเก็บให้เหมาะสมกับขนาดและประเภทของสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
  • Multi-Purpose Zones การกำหนดพื้นที่ในโกดังให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย เช่น พื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนจากการจัดเก็บสินค้าแบบพาเลท เป็นการจัดเก็บสินค้าแบบกล่องขนาดเล็ก หรือพื้นที่ที่สามารถใช้เป็นพื้นที่ประกอบสินค้าชั่วคราวได้ การออกแบบพื้นที่แบบนี้จะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากทุกตารางนิ้วได้อย่างเต็มที่

การจัดเก็บสินค้าในโกดังให้ประหยัดพื้นที่ที่สุดไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย เพียงต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจัดเก็บสินค้า และอาจต้องมีการวางแผนจัดเก็บให้ดี ควบคู่ไปกับการเสริมเทคโนโลยี เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้คุณจัดเก็บสินค้าในโกดังได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ทุกพื้นที่ในการจัดเก็บได้คุ้มค่าที่สุดแล้ว

บทความที่เกี่ยวข้อง

PARK FACTORY ผู้ให้บริการขายโกดัง และให้เช่าโกดังโรงงานสำหรับ SME ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล

หากคุณกำลังมองหาโกดังคลังสินค้า ที่ Park Factory เราเป็นผู้ให้บริการโกดังโรงงานสำหรับ SME ด้วยโครงการสีเขียว สภาพแวดล้อมสวยงามน่าอยู่ ให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดของโกดังทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างอาคาร หรือ Landscape ออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อให้ผู้เช่าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด → เข้าชมโครงการ

ช่องทางการติดต่อ PARK FACTORY

ที่ตั้ง : 176 ซอยกาญจนาภิเษก 5 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ 10160
เบอร์โทรติดต่อ : 092-379-7444, 081-751-4440
อีเมล์ : [email protected]
Google Map : https://maps.app.goo.gl/STYgHNRPHGAZZ6SX8

Scroll to Top