เช็กสิส 8 หัวข้อ ก่อนเซ็นต์สัญญาเช่าโกดัง

นักธุรกิจหรือผู้ประกอบการหลายคนมักเลือกการเช่าโกดังมากกว่าการสร้างโกดังขึ้นเอง อาจด้วยเรื่องของงบประมาณที่การเช่าโกดังมักมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการสร้างโกดังเอง อีกทั้งยังมีความคล่องตัวกว่า และมีความสะดวกกว่า หากต้องการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ในกรณีที่ธุรกิจมีการเติบโต แต่การเช่าโกดังนั้นใช่เพียงแค่ถูกใจแล้วจะเซ็นต์สัญญาเช่าเลย ต้องมีสิ่งที่ต้องเช็กก่อนเซ็นต์สัญญาเช่าด้วย เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และนี่ก็เป็น 8 หัวข้อสำคัญ ที่เราต้องทำการเช็กสิสกันก่อนเซ็นต์สัญญาเช่าโกดัง

1. อ่านสัญญาเช่าให้ละเอียด และทำความเข้าใจกับสัญญาเช่าทุกหน้า

นี่คือสิ่งสำคัญอันดับแรกเลยก่อนการเซ็นต์สัญญาเช่าโกดัง ต้องอ่านสัญญาเช่าให้ละเอียดทุกหน้า และทำความเข้าใจกับทุกๆประโยค เงื่อนไขต่างๆในสัญญาอย่างละเอียด ทั้งเรื่องระยะเวลาในการเช่า (หากผู้เช่าต้องการเช่าโกดังนานเกิน 3 ปี จะต้องมีการจดทะเบียนสัญญาเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพื้นที่ที่โกดังสินค้าตั้งอยู่ โดยมีค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสัญญาเช่าอยู่ที่ร้อยละ 1 ของมูลค่าสัญญา), การจ่ายค่าเช่า, ราคาค่าเช่า, จำนวนเงินมัดจำ และค่าเช่าล่วงหน้าที่ต้องจ่าย หากเจ้าของโกดังเป็นต่างชาติแล้วสัญญาเช่าเป็นภาษาอังกฤษต้องมีสัญญาเช่าฉบับแปลภาษาไทย ที่มีความหมายตรงกันกับต้นฉบับแนบมาด้วย

2. ภาษีที่เกี่ยวข้อง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ

การเช่าโกดังมีเรื่องของภาษีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยปกติผู้เช่าต้องทำการหักภาษี ณ ที่จ่าย 5% ของค่าเช่า ตามภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ส่วนใครจะเป็นคนจ่ายค่าภาษีนี้ ต้องไปทำการตกลงกันให้ชัดเจน และทำการระบุลงไปในสัญญาเช่าด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้แก่ ค่าน้ำ, ค่าไฟฟ้า, ค่าประกันภัยทรัพย์สิน, ค่าส่วนกลาง (ถ้ามี) ส่วนใหญ่จะเป็นผู้เช่าต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ก็ให้ระบุลงไปในสัญญาเช่าโกดังด้วย

3. ตรวจสอบความเป็นเจ้าของทรัพย์ที่เช่า

อย่างที่รู้กันว่าปัจจุบันนี้มีมิจฉาชีพจำนวนมาก จะทำอะไรก็ต้องตรวจสอบหาความจริงก่อนอยู่เสมอ การเช่าโกดังก็เช่นกัน ควรตรวจสอบความเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ต้องการจะเช่าว่า ผู้ที่เราทำสัญญาด้วยนั้นเป็นเจ้าของหรือมีสิทธิ์ในทรัพย์ที่ให้เช่านั้นจริงหรือไม่ เพื่อป้องกันการแอบอ้างที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยอาจตรวจสอบจากโฉนดที่ดิน หนังสืออนุญาตก่อสร้าง หรือสัญญาเช่าช่วงของทรัพย์ที่จะเช่า เป็นต้น

4. ระบุขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างชัดเจน

การระบุขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบในสัญญาเช่าโกดังเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันปัญหาและข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยทั่วไปทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่าจะมีหน้าที่ความรับผิดชอบหลักๆต่างกันออกไป เช่น ผู้ให้เช่ามีหน้าที่รับผิดชอบอะไรบ้าง, ผู้เช่ามีหน้าที่รับผิดชอบอะไร, หากเกิดความเสียหายกับอาคารหรืออุปกรณ์ที่ไม่ได้เกิดจากความประมาทหรือความผิดพลาดของผู้เช่า ผู้ให้เช่าต้องเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขในส่วนที่เสียหาย หรือผู้เช่าสามารถทำอะไรเพิ่มเติมกับโกดังได้หรือไม่ได้บ้าง เป็นต้น ทั้งนี้ขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบต้องระบุลงไปในสัญญาเช่าโกดังอย่างชัดเจนด้วย

5. ศึกษากฎระเบียบของโครงการ

หากโกดังที่ต้องการเซ็นต์สัญญาเช่านั้นตั้งอยู่ในโครงการ เป็นหน้าที่ของผู้เช่าเองที่ต้องศึกษากฎระเบียบของโครงการด้วย เช่น กฎระเบียบด้านความปลอดภัยในการทำงาน, กฎระเบียบในการควบคุมมลพิษ, กฎระเบียบเกี่ยวกับการจัดการของเสีย เป็นต้น เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการเช่าโกดัง และเพื่อให้การดำเนินธุรกิจของเราเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ต้องมีกฎระเบียบของโครงการระบุลงไปในสัญญาเช่าโกดังด้วย

6. ตรวจสภาพโกดัง

ก่อนทำการเซ็นต์สัญญาเช่าโกดัง ควรตรวจสอบสภาพโกดังก่อน ว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ หรือมีส่วนไหนต้องซ่อมแซมให้รีบบอกเจ้าของโกดัง ทั้งโครงสร้าง, หลังคา, พื้น, ระบบไฟฟ้า, ระบบน้ำประปา, และระบบระบายน้ำ รวมถึงตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆที่อยู่ในอาคารด้วยว่ามีอะไรบ้าง ตรวจเช็กให้เรียบร้อย ถ่ายรูปเก็บไว้ทั้งโครงสร้างอาคารด้านใน ด้านนอก รายการวัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่ทางผู้เช่ามีให้ เผื่อเวลาจะคืนในอนาคตเมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่า ต้องคืนให้ครบตามจำนวน

7. ประกันภัย

การทำประกันภัยโกดังเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เพราะช่วยลดความเสี่ยง และเพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นการประกันภัยอาคาร ประกันภัยเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอกด้วย โดยระบุในสัญญาเช่าให้ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของประกันภัยนี้ ระหว่างผู้เช่าหรือผู้ให้เช่า

8. ติดอากรแสตมป์

ในสัญญาเช่าโกดังต้องติดอากรแสตมป์ด้วย หากไม่ติดอากรแสตมป์จะใช้เป็นหลักฐานทางคดีไม่ได้ โดยอัตราค่าสแตมป์จะอยู่ที่ 1 บาท ต่อ 1000 บาทของค่าเช่า ตลอดอายุสัญญาเช่า และต้องดำเนินการติดอากรแสตมป์ภายใน 15 วันนับตั้งแต่ทำสัญญาเช่า เพื่อป้องกันการเสียค่าปรับหากติดอากรแสตมป์ล่าช้า ส่วนฝ่ายไหนจะเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายค่าติดอากรแสตมป์ก็ให้ไปตกลงกันเอง
กการตรวจสอบสัญญาเช่าโกดังให้ละเอียด ถี่ถ้วน ก่อนตกลงเซ็นต์สัญญานั้น ย่อมเกิดผลดีต่อผู้เช่าและผู้ให้เช่าอย่างแน่นอน ยอมเสียเวลาในการอ่านสัญญาให้เข้าใจ ดีกว่าเกิดปัญหามาภายหลังแล้วต้องมานั่งเครียดหรือกลุ้มใจกับความไม่รอบคอบของตนเอง เมื่อคุณเช็กข้อสัญญาจนเข้าใจแล้ว สนใจดูโกดังของได้ที่ โกดังให้เช่า

บทความที่เกี่ยวข้อง

PARK FACTORY ผู้ให้บริการขายโกดัง และให้เช่าโกดังโรงงานสำหรับ SME ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล

หากคุณกำลังมองหาโกดังคลังสินค้า ที่ Park Factory เราเป็นผู้ให้บริการโกดังโรงงานสำหรับ SME ด้วยโครงการสีเขียว สภาพแวดล้อมสวยงามน่าอยู่ ให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดของโกดังทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างอาคาร หรือ Landscape ออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อให้ผู้เช่าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด → เข้าชมโครงการ

ช่องทางการติดต่อ PARK FACTORY

ที่ตั้ง : 176 ซอยกาญจนาภิเษก 5 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ 10160
เบอร์โทรติดต่อ : 092-379-7444, 081-751-4440
อีเมล์ : [email protected]
Google Map : https://maps.app.goo.gl/STYgHNRPHGAZZ6SX8


Scroll to Top