โกดังเป็นสถานที่จัดเก็บสินค้าปริมาณเยอะ ซึ่งสินค้าที่จัดเก็บนั้นมีตั้งแต่สินค้าราคาถูกไปจนถึงสินค้าที่มีมูลค่าสูง สำหรับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าที่มีมูลค่าสูง อาจกังวลถึงความปลอดภัยต่อสินค้า ว่าสินค้าจะเกิดการสูญหายหรือถูกโจรกรรม จึงสงสัยในการจัดเก็บสินค้าว่าควรจัดเก็บอย่างไรให้ปลอดภัยมากที่สุด และควรใช้โกดังแบบไหนในการจัดเก็บสินค้าประเภทนี้ ในบทความนี้มีคำตอบมาให้แล้ว
ก่อนอื่นเรามาดูประเภทของโกดังกันก่อน ว่ามีแบบไหนกันบ้าง เพื่อจะได้เลือกประเภทของโกดังได้ตรงกับธุรกิจที่เรากำลังทำอยู่มากที่สุด ซึ่งปัจจุบันโกดังมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 ประเภท ดังนี้

ประเภทของโกดัง
1. โกดังสินค้าแบบส่วนตัว (Private Warehouse)
เป็นโกดังที่บริษัทหรือองค์กรเป็นเจ้าของและใช้สำหรับจัดเก็บสินค้าของตนเอง มักพบในธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีปริมาณสินค้าคงคลังจำนวนมาก และต้องการการควบคุมการจัดเก็บอย่างใกล้ชิด
2. โกดังสินค้าแบบสาธารณะ (Public Warehouse)
เป็นโกดังที่เปิดให้บริการเช่าพื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้าแก่บุคคลภายนอกหรือธุรกิจอื่นๆ เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง หรือธุรกิจที่มีความต้องการพื้นที่จัดเก็บสินค้าที่ไม่แน่นอน หรือต้องการลดภาระในการลงทุนสร้างและบริหารจัดการโกดังเอง
3. คลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse)
คลังสินค้าทัณฑ์บนเป็นคลังสินค้าที่มีไว้สำหรับสินค้านำเข้าที่ต้องรอตรวจสอบจากศุลกากร สำหรับชำระภาษีก่อนผู้ประกอบการจะดำเนินการเรื่องขนส่งไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งมักจะตั้งอยู่บริเวณท่าเรือ หรือสนามบิน สำหรับคลังสินค้าประเภทนี้ รัฐบาลจะเป็นคนดูแลและจัดการโดยตรง
4. ศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center)
เป็นโกดังกระจายสินค้าศูนย์กลาง ที่มีการรวมเอาสินค้ากลุ่มเดียวกันจากหลายๆที่มารวมกันอยู่ในที่เดียว แล้วทำหน้าที่ในการหมุนเวียนสินค้าเข้าออก พร้อมกับรับคำสั่งซื้อ จัดหาและนำส่งสินค้าให้กับลูกค้า ถือว่าเป็นคลังสินค้าที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ผลิต และผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้าต่างๆ ทั้งที่มีหน้าร้านและที่มีร้านค้าแบบออนไลน์
5. โกดังที่มีการควบคุมอุณหภูมิ (Climate-controlled Warehouse)
เป็นโกดังที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมอุณหภูมิและความชื้นภายใน ให้เหมาะสมกับการจัดเก็บสินค้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น อาหารสด อาหารแช่แข็ง ยา เวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง หรือดอกไม้
6. โกดังเก็บของอันตราย (Dangerous Goods Warehouse)
เป็นโกดังที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด เพราะต้องใช้เป็นที่จัดเก็บของอันตราย เช่น สารเคมี วัตถุไวไฟ วัตถุระเบิด หรือสารกัดกร่อน
7. คลังสินค้าแบบบริหารจัดการ (Fulfillment Center)
เป็นโกดังที่ให้บริการแบบครบวงจรสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่มีการซื้อขายบนโลกออนไลน์ นอกจากการจัดเก็บสินค้าแล้ว ยังมีบริการเพิ่มเติม เช่น การหยิบสินค้า การบรรจุหีบห่อ และการจัดส่งสินค้า รวมไว้ในจุดเดียวกัน

โกดังแบบไหนปลอดภัยสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าสูง
โกดังมีหลากหลายประเภท จะเลือกใช้โกดังแบบไหนทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าสินค้าของธุรกิจเราเป็นแบบไหน และเหมาะกับโกดังไหนข้างต้นมากที่สุด สำหรับโกดังที่มีความปลอดภัยสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าสูง จำเป็นต้องมีระบบป้องกันความปลอดภัยที่ดี ดังนี้
1. กล้องวงจรปิด
กล้องวงจรปิด หรือ CCTV เป็นอุปกรณ์พื้นฐานด้านความปลอดภัยที่ทุกโกดังจำเป็นต้องมี เพื่อใช้สำหรับบันทึกภาพ เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกโกดังตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้มีหลักฐานมัดตัว หากพบการโจรกรรม ความเสียหายของสินค้าเนื่องจากอุบัติเหตุ หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพนักงาน
2. ระบบควบคุมการเข้าออก
ระบบควบคุมการเข้าออก เช่น ระบบคีย์การ์ด การสแกนลายนิ้วมือ หรือตั้งรหัสผ่าน จะช่วยให้สามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงพื้นที่ต่างๆภายในโกดังได้อย่างชัดเจน อนุญาตเฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ทำให้ลดความเสี่ยงจากการบุกรุกของผู้ไม่หวังดี หรือการเข้าถึงพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องของพนักงาน
3. ระบบสัญญาณกันขโมย
ระบบสัญญาณกันขโมยจะช่วยแจ้งเตือนไปยังเจ้าของ หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทันที หากเซนเซอร์ตรวจพบความผิดปกติของการเคลื่อนไหวจากผู้บุกรุก ทำให้สามารถจัดการกับเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ระบบสัญญาณกันขโมยยังสามารถตรวจจับไฟไหม้ หรือการรั่วไหลของก๊าซในโกดังได้ด้วย
4. เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ช่วยให้สินค้าในโกดังมีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่จะอยู่เวรยามสลับเปลี่ยนกันตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเหมือนกล้องวงจรปิดที่คอยสอดส่องดูแลความผิดปกติของโกดัง หากมีการโจรกรรม หรืออุบัติเหตุเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่จะปรากฏตัวและแจ้งผู้เกี่ยวข้องและสถานีตำรวจทันที จึงช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
5. ระบบป้องกันอัคคีภัย
สินค้าที่มีมูลค่า ยิ่งต้องมีความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ไม่เพียงแค่การโจรกรรมเท่านั้น แต่ยังต้องระวังสินค้าจากภัยธรรมชาติอย่างไฟไหม้ด้วย โดยการติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัย ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจจับความร้อน และอุปกรณ์ดับเพลิงเบื้องต้น
6. ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น
ความชื้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้สินค้าเกิดความเสียหายได้เช่นกัน โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า เครื่องหนัง หรืองานศิลปะ สินค้าเหล่านี้ควรถูกเก็บอยู่ในโกดังที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ หรือการเกิดเชื้อรา นอกจากนี้โกดังที่มีการจัดการเรื่องความสะอาดที่ดี ก็จะช่วยให้สินค้าปลอดภัยจากแมลง และสิ่งสกปรกต่างๆได้
การเก็บสินค้าที่มีมูลค่าสูงในโกดังต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษในด้านของความปลอดภัย เพราะหากสินค้าเกิดความเสียหายหรือสูญหายขึ้นมา จะส่งผลต่อธุรกิจอย่างมากทีเดียว
บทความที่เกี่ยวข้อง
- 5 วิธีคำนวณพื้นที่โกดังเช่าให้เหมาะสมกับศูนย์กระจายสินค้า
- โกดังแช่เย็นหรือโกดังแห้ง คืออะไร ต่างกันยังไงบ้าง
- ความสำคัญและข้อควรระวัง สำหรับการควบคุมอุณหภูมิในโกดัง
PARK FACTORY ผู้ให้บริการขายโกดัง และให้เช่าโกดังโรงงานสำหรับ SME ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล
หากคุณกำลังมองหาโกดังคลังสินค้า ที่ Park Factory เราเป็นผู้ให้บริการโกดังโรงงานสำหรับ SME ด้วยโครงการสีเขียว สภาพแวดล้อมสวยงามน่าอยู่ ให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดของโกดังทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างอาคาร หรือ Landscape ออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อให้ผู้เช่าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด → เข้าชมโครงการ
ช่องทางการติดต่อ PARK FACTORY
ที่ตั้ง : 176 ซอยกาญจนาภิเษก 5 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ 10160
เบอร์โทรติดต่อ : 092-379-7444, 081-751-4440
อีเมล์ : [email protected]
Google Map : https://maps.app.goo.gl/STYgHNRPHGAZZ6SX8