หลังคาโรงงาน เลือกวัสดุอย่างไร ให้ประหยัดและทนแดดฝน

หลังคาโรงงาน เลือกวัสดุอย่างไร ให้ประหยัดและทนแดดฝน

หนึ่งในโครงสร้างสำคัญของโรงงาน นั่นก็คือ “หลังคา” เป็นส่วนประกอบหลักที่ไว้ใช้กันฝน กันแดด นอกจากนี้การเลือกหลังคาที่มีประสิทธิภาพ ยังส่งผลต่อความปลอดภัย และภาพลักษณ์ของธุรกิจอีกด้วย บทความนี้จะมาพูดถึงการเลือกวัสดุหลังคาโรงงาน ว่าควรเลือกแบบไหนให้ประหยัด ทนแดด ทนฝน และได้ประสิทธิภาพมากที่สุด

ความสำคัญของหลังคาโรงงาน

หลังคาโรงงานเป็นส่วนประกอบแรกที่ต้องรับมือกับแดด ฝน และฝุ่นละออง การเลือกหลังคาจึงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ไม่เอาหลังคาที่ราคาถูกที่สุด เพราะอาจมีปัญหาในระยะยาวได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ

  • อุณหภูมิภายในโรงงานสูงเกินไป ทำให้ต้องใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น เมื่อใช้เครื่องปรับอากาศมาก ก็ทำให้เสียค่าไฟฟ้าสูงขึ้นตามไปด้วย
  • หากฝนตกหนัก ทำให้น้ำซึมลงมา ส่งผลให้เครื่องจักรและสินค้าเสียหาย
  • หลังคาที่ไม่ได้มาตรฐานมักเสื่อมสภาพเร็ว ทำให้ต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนบ่อย เสียเวลาและงบประมาณเป็นอย่างมาก นอกจากนี้หลังคาที่ไม่ได้มาตรฐานยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น หลังคาหลุดหรือแตกอีกด้วย
  • หลังคาที่ทรุดโทรม ไม่แข็งแรง ส่งผลต่อภาพลักษณ์ธุรกิจให้ดูไม่ดี

ปัจจัยสำคัญก่อนเลือกวัสดุหลังคาโรงงาน

1. สภาพอากาศในพื้นที่

หากโรงงานตั้งอยู่ในพื้นที่ร้อนจัดหรือฝนตกชุก ต้องเลือกวัสดุที่ทนแดดทนฝนเป็นพิเศษ

2. ขนาดและโครงสร้างโรงงาน

อาคารใหญ่ต้องการวัสดุที่น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง เพื่อไม่ให้โครงสร้างรับภาระเกินไป

3. งบประมาณ

ต้องดูทั้งต้นทุนเริ่มต้นและต้นทุนการดูแลในระยะยาว

4. ความต้องการด้านพลังงาน

หากอยากประหยัดไฟ อาจเลือกวัสดุที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อนหรือรองรับโซลาร์เซลล์

5. ภาพลักษณ์และความสวยงาม

โรงงานที่เปิดให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมบ่อยๆ ควรเลือกหลังคาที่มีความสวยงามร่วมด้วย เพื่อส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ธุรกิจดูดี

หลังคาโรงงานควรเลือกใช้วัสดุแบบไหนดี?

1. หลังคาเมทัลชีท

ข้อดี

  • น้ำหนักเบา ไม่ต้องใช้โครงสร้างหนัก
  • ติดตั้งเร็ว ประหยัดเวลา
  • ทนแดด ทนฝน อายุการใช้งานเฉลี่ย 15-30 ปี
  • สามารถเคลือบสารกันสนิมและสะท้อนความร้อนได้

ข้อเสีย

  • เก็บเสียงได้ไม่ดี หากฝนตกจะเสียงดัง
  • ถ้าไม่ได้เคลือบสารป้องกันความร้อน อาจทำให้ภายในอาคารร้อน

เหมาะกับ โรงงานทั่วไปที่ต้องการความคุ้มค่า ติดตั้งง่าย และดูแลไม่ยุ่งยาก

2. หลังคาไฟเบอร์กลาส

ข้อดี

  • ให้แสงสว่างธรรมชาติ ช่วยประหยัดไฟ
  • ทนแดด ทนฝน ไม่ผุง่าย
  • น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย

ข้อเสีย

  • ราคาสูงกว่าหลังคาเหล็ก
  • อายุการใช้งานสั้น ประมาณ 10-15 ปี

เหมาะกับ โรงงานที่ต้องการลดค่าไฟฟ้า หรือมีพื้นที่ผลิตที่ต้องการแสงสว่างธรรมชาติ

3. หลังคาอลูซิงค์

ข้อดี

  • ทนแดดฝนได้ดี ไม่เป็นสนิมง่าย
  • สะท้อนความร้อนได้ดีกว่าเมทัลชีททั่วไป
  • อายุการใช้งานยาวนานถึง 30 ปีขึ้นไป

ข้อเสีย

  • ราคาสูงกว่าหลังคาทั่วไปเล็กน้อย
  • หากติดตั้งไม่ดี อาจเกิดการรั่วซึม

เหมาะกับ โรงงานที่ต้องการลงทุนครั้งเดียวใช้งานยาว ไม่อยากซ่อมบ่อย

4. หลังคา UPVC / PVC Sheet

ข้อดี

  • กันเสียงดีกว่าหลังคาเหล็ก
  • ไม่เป็นสนิม ไม่ผุกร่อน
  • กันความร้อนได้ดีเยี่ยม
  • อายุการใช้งานเฉลี่ย 25-30 ปี

ข้อเสีย

  • ราคาสูงกว่าหลังคาทั่วไป
  • ต้องใช้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญในการติดตั้ง

เหมาะกับ โรงงานที่เน้นเรื่องอุณหภูมิภายใน เสียงรบกวน และความสบายในการทำงาน

เคล็ดลับเลือกหลังคาให้ประหยัดและทนแดดฝน

1. ใช้ฉนวนกันความร้อนร่วมกับหลังคา

แม้จะเลือกวัสดุดีแค่ไหน ถ้าไม่มีฉนวนกันความร้อนก็ยังร้อนได้อยู่ดี การติดฉนวนไว้ใต้หลังคาจะช่วยลดอุณหภูมิได้ถึง 5-10 องศา และช่วยประหยัดค่าไฟในระยะยาว

2. เลือกสีหลังคาให้เหมาะกับอากาศ

  • พื้นที่ร้อนมาก ควรใช้สีอ่อน เช่น ขาว เทาอ่อน เพราะสะท้อนความร้อนได้ดีกว่า
  • พื้นที่หนาวเย็น ควรใช้สีเข้ม เช่น น้ำเงินเข้ม หรือเทาเข้ม เพื่อดูดซับความร้อน

3. ออกแบบความลาดเอียงให้เหมาะสม

หลังคาที่ลาดเอียงเกินไปอาจทำให้น้ำไหลแรงจนรั่วซึมง่าย แต่ถ้าแบนเกินไปก็จะขังน้ำ ควรให้มีความชันประมาณ 5-10 องศา สำหรับโรงงานทั่วไป

4. ตรวจสอบระบบรางน้ำและปล่องระบายอากาศ

อย่ามองข้ามเรื่องเล็กๆ อย่างรางน้ำหรือปล่องระบายอากาศ เพราะมันช่วยยืดอายุหลังคาและป้องกันปัญหาความชื้นสะสมได้อย่างมาก

5. วางแผนบำรุงรักษาเป็นประจำ

หลังคาที่แข็งแรงก็ยังต้องดูแล เช่น ตรวจสอบรอยรั่วปีละ 1-2 ครั้ง ล้างฝุ่นหรือใบไม้ที่อุดตัน เพื่อให้อายุการใช้งานยาวนานที่สุด

การเลือกวัสดุหลังคาโรงงานให้มีประสิทธิภาพ ไม่จำเป็นต้องเลือกหลังคาที่มีราคาแพงที่สุด ควรเลือกหลังคาที่สามารถช่วยให้โรงงานของคุณปลอดภัย และประหยัดพลังงานในระยะยาว วัสดุหลังคาที่ดีต้องทนต่อแดด ฝน ลม และสภาพแวดล้อมเฉพาะของโรงงาน พร้อมช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความสะดวกในการดูแลรักษา นั่นถึงจะเป็นหลังคาที่เหมาะสมกับโรงงานของคุณจริงๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง

PARK FACTORY ผู้ให้บริการขายโกดัง และให้เช่าโกดังโรงงานสำหรับ SME ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล

หากคุณกำลังมองหาโกดังคลังสินค้า ที่ Park Factory เราเป็นผู้ให้บริการโกดังโรงงานสำหรับ SME ด้วยโครงการสีเขียว สภาพแวดล้อมสวยงามน่าอยู่ ให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดของโกดังทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างอาคาร หรือ Landscape ออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อให้ผู้เช่าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด → เข้าชมโครงการ

ช่องทางการติดต่อ PARK FACTORY

ที่ตั้ง : 176 ซอยกาญจนาภิเษก 5 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ 10160
เบอร์โทรติดต่อ : 092-379-7444, 081-751-4440
อีเมล์ : [email protected]
Google Map : https://maps.app.goo.gl/STYgHNRPHGAZZ6SX8



Scroll to Top