เลือกขนส่งแบบไหนดี ให้เหมาะสมกับธุรกิจและโรงงานของคุณ

ธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ หากมีระบบขนส่งที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปด้วยดี การพิจารณาปัจจัยในการเลือกขนส่งจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อต้นทุน ระยะเวลาจัดส่ง และความพึงพอใจของลูกค้า ระบบขนส่งในประเทศไทยมีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบก็มีวิธีการดำเนินงาน และข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ส่วนจะเลือกรูปแบบขนส่งแบบไหนดีให้เหมาะสมกับธุรกิจและโรงงานของคุณนั้น มาดูกัน

การขนส่งคืออะไร?

การขนส่ง (Transportation) เป็นการเคลื่อนย้ายคนหรือสิ่งของจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตประจำวัน กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และเชื่อมโยงพื้นที่ต่างๆเข้าด้วยกัน

ความสำคัญของการขนส่ง

เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้คนเดินทางไปทำงาน พักผ่อน หรือทำกิจกรรมต่างๆ
เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่ช่วยกระจายสินค้าจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค ทำให้เกิดการหมุนเวียน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างดี
เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ
ช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงสินค้าและบริการในพื้นที่ต่างๆ

รูปแบบการขนส่ง

ในปัจจุบันการขนส่งแบ่งได้เป็น 5 รูปแบบ ดังนี้

1. ขนส่งทางอากาศ

รูปแบบขนส่งทางอากาศ หรือขนส่งทางเครื่องบินเป็นรูปแบบการขนส่งที่สำคัญในโลกของโลจิสติกส์และการค้าโลก เพราะมีความรวดเร็ว และสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก จึงเป็นรูปแบบการขนส่งที่นิยมกันเยอะ สำหรับสินค้าที่เหมาะกับการขนส่งทางอากาศได้แก่ สินค้าขนาดเล็ก, สินค้าที่มีมูลค่าสูง, สินค้าที่ต้องการการดูแลหรือแตกหักง่าย, สินค้าที่เน่าเสียง่าย เป็นต้น

ข้อดี

  • ใช้เวลาขนส่งสั้น เพียง 3-7 วันเท่านั้น
  • มีความปลอดภัยสูง
  • สะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้า

ข้อเสีย

  • มีข้อจำกัดในการขนส่งสินค้าบางประเภท และสินค้าที่มีน้ำหนักมาก
  • ค่าใช้จ่ายสูง

2. ขนส่งทางรถ

รูปแบบการขนส่งทางรถเป็นรูปแบบที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางได้ง่าย และขนส่งได้ทั้งระยะใกล้และไกล รูปแบบการขนส่งนี้เป็นที่นิยมสูงเช่นกัน จะเป็นการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน และสำหรับการจัดส่งสินค้าถึงประตูบ้านของลูกค้า (Door-to-Door Service) สำหรับสินค้าที่เหมาะกับการขนส่งทางรถ ได้แก่ สินค้าขนาดกลาง และสินค้าขนาดเล็ก

ข้อดี

  • สามารถขนส่งสินค้าได้ตลอดเวลาตามต้องการ
  • มีความรวดเร็ว (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะทางที่ขนส่งด้วย)
  • ค่าใช้จ่ายไม่สูง

ข้อเสีย

  • ความปลอดภัยไม่เท่ากับรูปแบบการขนส่งทางอากาศ
  • อาจมีข้อจำกัดเรื่องเส้นทางและด่านศุลกากร

3. ขนส่งทางน้ำ

การขนส่งรูปแบบนี้จะเป็นการใช้เรือในการขนส่งสินค้า ส่วนใหญ่ใช้สำหรับขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะใช้ตู้คอนเทนเนอร์เป็นหลัก เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าเสียหายจากสภาพอากาศ ส่วนสินค้าที่เหมาะสำหรับรูปแบบขนส่งทางน้ำ ได้แก่ สินค้าที่มีจำนวนมาก หรือสินค้าที่มีน้ำหนักมาก โดยทั่วไปการขนส่งทางเรือด้วยตู้คอนเทนเนอร์จะแบ่งได้เป็น 2 แบบ ดังนี้

  • FCL หรือ Full container load จะเป็นการขนส่งสินค้าแบบเต็มตู้หรือเหมาตู้สินค้าไปเลย ไม่มีสินค้าของคนอื่นมาด้วย ถึงแม้ว่าสินค้าจะไม่เต็มตู้คอนเทนเนอร์ แต่ก็คิดค่าบริการในราคาเต็มตู้คอนเทนเนอร์
  • LCL หรือ Less than container load เป็นการขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มตู้ มีสินค้าของคนอื่นมาด้วย

ข้อดี

สามารถส่งของในปริมาณเยอะได้
ปลอดภัยสำหรับสินค้าที่ต้องการขนส่งในระยะยาว
ค่าใช้จ่ายถูก

ข้อเสีย

  • ใช้เวลาขนส่งนาน
  • อาจมีความล่าช้า ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและกระบวนการศุลกากร

4. ขนส่งทางท่อ

ขนส่งทางท่อเป็นรูปแบบที่ใช้วิธีขนส่งผ่านสายเดินท่อที่ติดตั้งไว้ ซึ่งการขนส่งทางท่อจะแตกต่างกับการขนส่งรูปแบบอื่นตรงที่อุปกรณ์ที่ใช้ในการขนส่งไม่ต้องเคลื่อนที่ โดยเส้นทางขนส่งทางท่ออาจจะอยู่บนดิน ใต้ดิน หรือใต้น้ำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศของแต่ละประเทศ ทำให้กำหนดเวลาการขนส่งได้แน่นอนชัดเจน และมีความปลอดภัยสูงจากการสูญหายหรือลักขโมย สำหรับสินค้าที่เหมาะกับขนส่งทางท่อ เช่น น้ำประปา, น้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น

ข้อดี

  • มีความปลอดภัยสูง
  • ใช้กำลังคนน้อย
  • ประหยัดต้นทุนในการขนย้ายสินค้า

ข้อเสีย

  • ขนส่งได้เฉพาะสินค้าที่เป็นของเหลวหรือก๊าซเท่านั้น
  • มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนครั้งแรกสูงมาก

5. ขนส่งทางราง

ขนส่งทางราง หรือทางรถไฟเป็นรูปแบบการขนส่งที่มีมาตั้งแต่สมัยแรกๆของการขนส่งเลย เรียกว่าเป็นยุคบุกเบิกการขนส่งเลยก็ว่าได้ ปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้รถไฟความเร็วสูง ซึ่งสามารถขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักและปริมาณมากได้ในเวลาอันรวดเร็ว

ข้อดี

  • ขนส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว
  • สามารถบรรทุกสินค้าได้ในปริมาณมากต่อเที่ยว
  • ส่งของได้ตรงเวลา เพราะไม่ต้องเจอกับปัญหาสภาพการจราจร

ข้อเสีย

  • การส่งสินค้าไปเมืองเล็กๆ รถไฟอาจเข้าไม่ถึง เพราะสถานีรถไฟความเร็วสูงมักตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ จึงจำเป็นต้องใช้ขนส่งรูปแบบอื่นเข้ามาช่วย
  • ค่าใช้จ่ายสูง

การขนส่งถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจเลยก็ว่าได้ หากคุณเลือกรูปแบบขนส่งที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณแล้ว ย่อมส่งผลให้ธุรกิจดำเนินไปด้วยดี สามารถส่งสินค้าได้อย่างตรงเวลาและรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงตลาดใหม่ๆได้กว้างขึ้นทั้งในและต่างประเทศ

บทความที่เกี่ยวข้อง

PARK FACTORY ผู้ให้บริการขายโกดัง และให้เช่าโกดังโรงงานสำหรับ SME ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล

หากคุณกำลังมองหาโกดังคลังสินค้า ที่ Park Factory เราเป็นผู้ให้บริการโกดังโรงงานสำหรับ SME ด้วยโครงการสีเขียว สภาพแวดล้อมสวยงามน่าอยู่ ให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดของโกดังทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างอาคาร หรือ Landscape ออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อให้ผู้เช่าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด → เข้าชมโครงการ

ช่องทางการติดต่อ PARK FACTORY

ที่ตั้ง : 176 ซอยกาญจนาภิเษก 5 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ 10160
เบอร์โทรติดต่อ : 092-379-7444, 081-751-4440
อีเมล์ : p[email protected]
Google Map : https://maps.app.goo.gl/STYgHNRPHGAZZ6SX8

Scroll to Top