โกดังไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ใช้เก็บสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตไปได้ดี หากมีการเลือกใช้โกดังให้ถูกต้องกับประเภทของสินค้า เพราะมันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความสูญเสีย และรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตได้อย่างมั่นคง ก่อนจะตัดสินใจเช่าโกดังทำธุรกิจ ลองมาทำความเข้าใจประเภทโกดังหลักๆกันก่อนว่ามีแบบไหนกันบ้าง เพื่อให้คุณสามารถเลือกโกดังที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจคุณได้อย่างแท้จริง

6 ประเภทโกดังมีอะไรบ้าง
1. โกดังทั่วไป
โกดังประเภทนี้มีลักษณะเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับเก็บสินค้าในปริมาณมาก และสินค้าที่เก็บก็เป็นสินค้าทั่วไป เช่น เครื่องมือช่าง วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
จุดเด่น
- มีต้นทุนต่ำ หากเช่าก็มีราคาถูก หากสร้างเองก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างมาก
- มีโครงสร้างไม่ซับซ้อน สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ง่ายตามต้องการ
- สามารถใช้เก็บสินค้าได้หลากหลาย ตั้งแต่สินค้าขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่
จุดด้อย
- โกดังประเภทนี้ไม่เหมาะกับสินค้าที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ
- ด้วยความที่มีแต่อาคารโล่งๆ จึงต้องติดตั้งระบบจัดการภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น ชั้นวาง ระบบสแกนสินค้า เป็นต้น
ธุรกิจที่เหมาะกับโกดังประเภทนี้ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีกทั่วไป, ธุรกิจขายสินค้าอุตสาหกรรม, ธุรกิจที่มีสินค้าไม่เน่าเสียง่าย
2. โกดังควบคุมอุณหภูมิ
โกดังประเภทนี้มีระบบปรับอากาศและระบบทำความเย็นที่ทันสมัย เพื่อรักษาสภาพสินค้าให้คงที่และมีคุณภาพตลอดเวลา เช่น อาหารสด ยา หรือเวชภัณฑ์
จุดเด่น
- ป้องกันสินค้าเสื่อมสภาพหรือเสียหายจากอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม
- ช่วยให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารและยาผ่านการรองรับมาตรฐาน อย. หรือ GMP
จุดด้อย
- มีต้นทุนสูง ค่าเช่าแพง หากสร้างเองก็ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก เนื่องจากต้องมีการติดตั้งระบบทำความเย็น รวมถึงมีค่าใช้จ่ายสำหรับบำรุงรักษาระบบด้วย
- ใช้สำหรับเก็บสินค้าที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิเท่านั้น
ธุรกิจที่เหมาะกับโกดังประเภทนี้ ได้แก่ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, ธุรกิจเภสัชกรรม, ธุรกิจเคมีภัณฑ์, ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดอกไม้และพืชผัก
3. โกดังอัตโนมัติ
โกดังประเภทนี้มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการสินค้า ตั้งแต่การรับเข้า การจัดเก็บ การหยิบ และการจัดส่ง ซึ่งระบบอัตโนมัติที่นิยมใช้ได้แก่ AS/RS (Automated Storage and Retrieval System) และหุ่นยนต์ (Robotics) ที่เข้ามาช่วยทำงานแทนมนุษย์ ทำให้การดำเนินงานรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
จุดเด่น
- ลดการใช้แรงงานคน
- เพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการจัดส่งสินค้าได้อย่างมาก
- สามารถใช้พื้นที่แนวตั้งได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากระบบ AS/RS สามารถสร้างชั้นวางที่สูงมากๆได้
- ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์สามารถทำงานได้ตลอดเวลา
จุดด้อย
- การติดตั้งระบบอัตโนมัติมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่สูงมาก
- หากระบบได้รับการติดตั้งแล้ว การปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือรูปแบบการทำงานจะทำได้ยากและมีค่าใช้จ่ายสูง
- ต้องมีทีมงานที่เข้าใจระบบอัตโนมัติ
ธุรกิจที่เหมาะกับโกดังประเภทนี้ ได้แก่ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ, ธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่, ธุรกิจที่มีสินค้าจำนวนมากและต้องการความรวดเร็วในการจัดส่ง

4. โกดังเย็น
โกดังเย็นเป็นโกดังที่ถูกออกแบบมาเพื่อจัดเก็บสินค้าที่ต้องอยู่ในอุณหภูมิต่ำ เช่น -18°C ถึง 4°C เช่น อาหารแช่แข็ง เนื้อสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์นม
จุดเด่น
- รักษาคุณภาพสินค้าได้ยาวนาน
- รองรับการจัดเก็บแบบ Cold Chain
- ป้องกันการปนเปื้อนจากภายนอก
จุดด้อย
- ต้องมีระบบสำรองไฟและแจ้งเตือนอุณหภูมิ
- ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสูง
ธุรกิจที่เหมาะกับโกดังประเภทนี้ ได้แก่ ธุรกิจอาหารสด อุตสาหกรรมแปรรูป หรือผู้ส่งออกสินค้าเกษตร
5. โกดังแบบศูนย์กระจายสินค้า
โกดังแบบศูนย์กระจายสินค้าเป็นโกดังที่เน้นการจัดส่งสินค้าออกไปยังปลายทางอย่างรวดเร็ว โดยมีระบบจัดการคำสั่งซื้อและขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสินค้าที่เข้ามาจะถูกส่งออกไปในเวลาอันสั้น โดยไม่มีการจัดเก็บระยะยาว
จุดเด่น
- ลดเวลาในการขนส่งและจัดส่งสินค้า ทำให้ลูกค้าได้รับของเร็วขึ้น
- ช่วยให้การจัดส่งสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่าย
จุดด้อย
- เหมาะกับสินค้าที่หมุนเวียนเร็วเท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องจัดเก็บเป็นเวลานาน
- มีการบริหารจัดการที่ซับซ้อน ต้องมีการวางแผนและบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์อย่างรอบคอบ
ธุรกิจที่เหมาะกับโกดังประเภทนี้ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีกที่มีสาขาจำนวนมาก, ธุรกิจนำเข้าส่งออก, ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ต้องการจัดส่งสินค้าอย่างรวดเร็ว
6. โกดังคลังสินค้าสาธารณะ
โกดังประเภทนี้จะเปิดให้หลายๆธุรกิจมาเช่าพื้นที่เก็บของร่วมกัน และผู้ให้บริการคลังสินค้าจะดูแลเรื่องการจัดการ การจัดเก็บ และการจัดส่งสินค้าให้ทั้งหมด
จุดเด่น
- ประหยัดต้นทุน เพราะไม่ต้องลงทุนสร้างโกดังเอง และจ่ายเฉพาะค่าพื้นที่และบริการที่ใช้จริงเท่านั้น
- สามารถปรับขนาดพื้นที่เช่าได้ตามปริมาณสินค้าที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง
- ผู้ให้บริการจะดูแลเรื่องการจัดการสินค้าและโลจิสติกส์ให้ ทำให้คุณสามารถโฟกัสกับงานหลักได้เต็มที่
จุดด้อย
- ไม่มีความเป็นส่วนตัว
- ไม่สามารถควบคุมการจัดการสินค้าได้ทั้งหมด
ธุรกิจที่เหมาะกับโกดังประเภทนี้ ได้แก่ ธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง, ธุรกิจสตาร์ทอัพ, ธุรกิจนำเข้า-ส่งออกขนาดเล็ก
การทำความเข้าใจกับประเภทโกดังต่างๆ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกโกดังที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้ และการได้โกดังที่ตรงกับธุรกิจของคุณมากที่สุด ก็จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตในอนาคตได้อย่างแน่นอน
บทความที่เกี่ยวข้อง
- โกดังแบบไหนปลอดภัยสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าสูง
- โกดัง Free Zone คืออะไร โอกาสทางธุรกิจที่ควรจับตามอง
- โกดังอัจฉริยะคืออะไร ทำไมต้องจัดการคลังสินค้าเพื่ออนาคต
PARK FACTORY ผู้ให้บริการขายโกดัง และให้เช่าโกดังโรงงานสำหรับ SME ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล
หากคุณกำลังมองหาโกดังคลังสินค้า ที่ Park Factory เราเป็นผู้ให้บริการโกดังโรงงานสำหรับ SME ด้วยโครงการสีเขียว สภาพแวดล้อมสวยงามน่าอยู่ ให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดของโกดังทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างอาคาร หรือ Landscape ออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อให้ผู้เช่าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด → เข้าชมโครงการ
ช่องทางการติดต่อ PARK FACTORY
ที่ตั้ง : 176 ซอยกาญจนาภิเษก 5 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ 10160
เบอร์โทรติดต่อ : 092-379-7444, 081-751-4440
อีเมล์ : [email protected]
Google Map : https://maps.app.goo.gl/STYgHNRPHGAZZ6SX8