ปัจจุบันผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น จะกินอะไรก็ต้องเลือกแต่อาหารที่มีประโยชน์และปลอดภัย ซึ่งสิ่งนี้นำมาซึ่งความท้าทายของนักธุรกิจที่คิดจะเปิดโรงงานผลิตอาหาร เพราะการผลิตอาหารนั้นต้องอาศัยการวางแผน มีการคิดอย่างเป็นระบบ รอบคอบ อีกทั้งยังมีเรื่องข้อกำหนดทางกฎหมายและอนามัย เพื่อให้แบรนด์อาหารของตัวเองออกมาให้ได้มาตรฐานและถูกใจผู้บริโภคมากที่สุด และนี่คือ 6 เรื่องที่ต้องรู้ เมื่อคุณคิดจะเปิดโรงงานผลิตอาหาร

1. มีการวางแผนและมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน
ก่อนจะทำโรงงานผลิตอาหาร ต้องมีการวางแผนและแผนธุรกิจที่ชัดเจนก่อน ซึ่งเจ้าของธุรกิจต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้
- จะผลิตสินค้าอะไร ไม่ใช่แค่รู้ว่าอยากทำอะไร แต่ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าสินค้าของคุณคืออะไร มีคุณสมบัติพิเศษอย่างไร เช่น ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก, อาหารเพื่อสุขภาพ, หรือขนมขบเคี้ยว
- กลุ่มเป้าหมายคือใคร กำหนดลูกค้าในอุดมคติของคุณให้ชัดเจน เช่น วัยรุ่น, ผู้สูงอายุ, คนรักสุขภาพ หรือผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก
- จุดขายที่แตกต่างคืออะไร อะไรคือสิ่งที่จะทำให้สินค้าของคุณโดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาด เช่น รสชาติที่แตกต่าง, วัตถุดิบพิเศษ, หรือบรรจุภัณฑ์ที่น่าสนใจ
- ขนาดการผลิตที่เหมาะสม จะเริ่มต้นจากขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ เพื่อคำนวณเงินลงทุนและต้นทุนการผลิตที่แม่นยำ
นอกจากนี้ยังต้องมีแผนธุรกิจที่เขียนถึงรายละเอียดการใช้เงิน ไม่ว่าจะเป็นประมาณการรายได้ ค่าใช้จ่าย ต้นทุน และเงินทุนสำรองด้วย
2. รู้จักมาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การเปิดโรงงานผลิตอาหาร ใช่ว่าจะเปิดได้เลย แต่เจ้าของธุรกิจต้องศึกษามาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย ๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
- ใบอนุญาตโรงงาน (รง.4) ใบอนุญาตที่ต้องขอจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับโรงงานที่มีการใช้เครื่องจักรหรือแรงงานตามเกณฑ์ที่กำหนด
- ใบอนุญาตผลิตอาหาร (อย.) ใบนี้ต้องขอจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อรับรองว่าสินค้าของคุณปลอดภัยและได้มาตรฐาน โดยสินค้าแต่ละประเภทจะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไป
- ระบบมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร เช่น GMP (Good Manufacturing Practice) หลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร, HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Points) ระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม, ISO 22000 มาตรฐานสากลสำหรับระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหาร, Halal และ Kosher มาตรฐานสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับชาวมุสลิมและชาวยิวตามลำดับ ควรวางแผนการจัดทำระบบมาตรฐานเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้การผลิตมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

3. การเลือกทำเล
การเลือกทำเลที่เหมาะสมมีผลต่อต้นทุนและประสิทธิภาพการผลิตอย่างมาก ทำเลที่ตั้งควรอยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบและตลาด เดินทางสะดวก นอกจากนี้การออกแบบโรงงานที่ดี ก็มีส่วนช่วยให้กระบวนการผลิต ตั้งแต่การรับวัตถุดิบไปจนถึงการบรรจุและจัดเก็บสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
4. การเลือกเครื่องจักรและเทคโนโลยี
เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก แต่หากคุณเลือกเครื่องจักรที่เหมาะสมกับประเภทสินค้าและขนาดการผลิต ก็จะช่วยลดต้นทุนในระยะยาวและเพิ่มคุณภาพสินค้าได้ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีบางอย่างที่ควรนำเข้ามาในกระบวนการผลิต อย่างระบบ IoT (Internet of Things) สำหรับการติดตามอุณหภูมิและความชื้นในสายการผลิตและคลังสินค้าแบบเรียลไทม์ หรือระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ที่ช่วยบริหารจัดการข้อมูลทั้งหมดตั้งแต่การสั่งซื้อวัตถุดิบ การผลิต การบรรจุ ไปจนถึงการจัดส่ง ทำให้คุณมองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้ชัดเจนและแม่นยำขึ้น
5. การจัดหาวัตถุดิบและควบคุมคุณภาพ
การควบคุมวัตถุดิบตั้งแต่ต้นทางจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์สุดท้ายมีคุณภาพที่สม่ำเสมอ ดังนั้นควรเลือกซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน และสามารถส่งมอบวัตถุดิบได้อย่างสม่ำเสมอ และมีการตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบทุกครั้งที่รับเข้ามาด้วย พร้อมบริหารจัดการสต็อกให้เหมาะสม เพื่อป้องกันวัตถุดิบเสื่อมสภาพและลดต้นทุนในการจัดเก็บ
6. การตลาดและการสร้างแบรนด์
ถึงแม้ว่าโรงงานผลิตอาหารของคุณจะได้มาตรฐาน แต่หากไม่มีการตลาดที่เหมาะสมก็อาจไม่เป็นที่รู้จักต่อผู้บริโภคเท่าไหร่ ดังนั้นการสร้างแบรนด์จึงสำคัญ ควรกำหนดภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ชัดเจน ตั้งแต่ชื่อ โลโก้ ไปจนถึงเรื่องราวของแบรนด์ พร้อมกับสร้างช่องทางการจัดจำหน่าย โดยใช้โซเชียล เว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เพื่อเข้าถึงลูกค้าในวงกว้าง
การเริ่มต้นเปิดโรงงานผลิตอาหารอาจฟังดูเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่หากคุณมีความเข้าใจใน 6 เรื่องที่เรากล่าวในบทความนี้ ก็สามารถเปิดโรงงานผลิตอาหารได้แล้ว
บทความที่เกี่ยวข้อง
- มาตรฐาน ISO ของโกดัง คืออะไร มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
- มาตรฐานโรงงานมีอะไรบ้าง เพื่อเสริมความปลอดภัยและมาตรฐานการผลิต
- ขออนุญาต อย.มีขั้นตอนอย่างไร และต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?
PARK FACTORY ผู้ให้บริการขายโกดัง และให้เช่าโกดังโรงงานสำหรับ SME ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล
หากคุณกำลังมองหาโกดังคลังสินค้า ที่ Park Factory เราเป็นผู้ให้บริการโกดังโรงงานสำหรับ SME ด้วยโครงการสีเขียว สภาพแวดล้อมสวยงามน่าอยู่ ให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดของโกดังทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างอาคาร หรือ Landscape ออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อให้ผู้เช่าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด → เข้าชมโครงการ
ช่องทางการติดต่อ PARK FACTORY
ที่ตั้ง : 176 ซอยกาญจนาภิเษก 5 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ 10160
เบอร์โทรติดต่อ : 092-379-7444, 081-751-4440
อีเมล์ : [email protected]
Google Map : https://maps.app.goo.gl/STYgHNRPHGAZZ6SX8




